รัฐมนตรีเศรษฐกิจญี่ปุ่น ขอโทษ หลังโบ้ยธนาคาร เป็นเหตุให้ ปชช. ฝ่าฝืนล็อกดาวน์

รัฐมนตรีเศรษฐกิจญี่ปุ่น ขอโทษ หลังโบ้ยธนาคาร เป็นเหตุให้ ปชช. ฝ่าฝืนล็อกดาวน์

รัฐมนตรีเศรษฐกิจญี่ปุ่น ออกโรงขอโทษหลังโบ้ยว่าธนาคารและผู้จำหน่ายเครื่องดื่มเป็นสาเหตุให้ร้านอาหารต้องฝ่าฝืนล็อกดาวน์ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า นาย ยาซึโทชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาขอโทษ หลังจากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาได้ระบุว่า เป็นความผิดของธนาคารและบริษัทขายเครื่องดื่มที่กดดัน ร้านอาหารและบาร์ ทำให้พวกเขาต้องฝ่าฝืนกฎล็อกดาวน์

โดยนาย นิชิมูระ ระบุว่าเขาขอโทษที่สร้างความสับสนให้ความกังวลให้กับร้านอาหารและอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม 

ซึ่งเขาระบุว่าหน้าที่ของเขาคือการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและช่วยเหลือให้เศรษฐกิจฟื้นฟูจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นเดียวกันกับ นาย โยชิฮิเดะ สึงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่ได้ออกมาขอโทษเช่นเดียวกัน ซึ่งผู้นำของญี่ปุ่นก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันกับการเริ่มต้นการแข่งมหกรรมโอลิมปิกฤดูร้อนที่จะเริ่มขึ้นในเก้าวันถัดจากนี้

อย่างไรก็ตามนักการเมืองฝ่ายค้านจำนวนหนึ่งได้ออกมาเรียกร้องให้นาย นิชิมูระ ลงจากตำแหน่งจากความเห็นดังกล่าว ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นมียอดผู้ปวยสะสมอยู่ที่อย่างน้อย 800,000 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสอยู่ที่เกือบ 15,000 ศพ

สถานการณ์ชุมนุม ประท้วงแอฟริกาใต้ ยังคงร้อนระอุต่อเนื่อง หลังจากที่มีการปล้นสะดมหลายจุด และมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 72 ศพ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการประท้วงในประเทศแอฟริกาใต้ทะยานเพิ่มมาเป็น 72 ศพ หลังจากที่ประชาชนก่อจลาจล ปล้นสะดมร้านค้า เพื่อเป็นการแสดงความไม่พอใจต่อการจำคุก นาย จาคอบ ซูมา อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้

ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นมีผู้เสียชีวิตจากการถูกเหยียบกันตาย ขณะมีการปล้นสะดม ภายในศูนย์การค้า ‘เอ็นโดฟายา’ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมารวมอยู่ด้วย 10 ศพ

โดยขณะนี้ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อร่วมตึงกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าได้จับกุมประชาชนแล้วกว่า 1,234 ราย และสามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยที่ปลุกระดมประชาชนแล้ว 12 คน

ด้านทางการออกมาเตือนว่าหากปล้นสะดมยังดำเนินต่อไป อาจจะทำให้พื้นที่ดังกล่าวเกิดสภาวะอาหารขาดแคลนได้ ทั้งนี้ทางการยังคงยืนกรานที่จะประกาศภาวะฉุกเฉิน

ก่อนหน้านี้ นายซูมา ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งจำคุกเป็นระยะเวลา 15 เดือน หลังตัดสินว่าเขามีความผิดจริงในข้อหาละเมิดอำนาจศาล จากการที่เขาขัดขืนคำสั่ง ไม่มารับฟังการไต่สวนคดีคอร์รัปชันสมัยยังเป็นผู้นำประเทศช่วงปี 2552-2561

WHO แจงใหม่กรณี วัคซีนผสมสูตร ชี้ ปชช. ไม่ควรตัดสินใจเอง

นักวิทยาศาสตร์จากองค์การอนามัยโลก ออกมาขยายความกรณีเกี่ยวกับการฉีด วัคซีนผสมสูตร ชี้ประชาชนไม่ควรตัดสินใจเอง แต่รัฐบาลทำได้ โซมญา สวามินาธาน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกมาทวีตข้อความขยายความ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอเตือนถึงแนวคิดการฉีดวัคซีนโควิดแบบผสม เนื่องจากในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่สนับสนุนแนวคิดนี้เพียงพอ

โดยในทวิตของเธอระบุว่า “ประชาชนไม่ควรตัดสินใจเลือกฉีดวัคซีนด้วยตนเอง แต่หน่วยงานสาธารณสุขสามารถทำได้บนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่ โดยขณะนี้ยังคงรอผลการศึกษาของวัคซีนต่างยี่ห้อ เพื่อประเมินความสามารถในการกระตุ้นสร้างแอนติบอดีและความปลอดภัย”

ซึ่งก่อนหน้านี้นาง สวามินาธาน ยังได้แสดงความกังวลว่าจะเกิคดวามวุ่นวายขึ้น หากประชาชนสามารถตัดสินใจเองได้ว่าตนจะได้เข้ารับวัคซีนจากบริษัทใดและเมื่อไหร่ รวมถึงโอกาสที่จะเลือกว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 หรือ 3 หรือ 4 จากยี่ห้อใด

เกิดเหตุ ไฟไหม้ ที่ โรงพยาบาลอิรัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 40 ศพ คาดถังอ๊อกซิเจนผู้ป่วยโควิดระเบิด เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า โรงพยาบาล ในทางตอนใต้ของเมืองนาชิริยาห์ ประเทศอิรัก เกิดเหตุไฟไหม้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้แล้วมากกว่า 40 ศพ และคาดว่ายังมีผู้ประสบภัยยังติดอยู่ในอาคารอีกจำนวนหนึ่ง

ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุของเพลิงไหม้อย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานว่าน่าจะเกิดจากถังอ๊อกซิเจนภายในบริเวณที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิดระเบิดขึ้น จากเหตุระเบิดครั้งนี้ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาเรียกร้องให้ทางการอิรักลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบในครั้งนี้ ซึ่งโฆษกของทำเนียบพูดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการป้องกันประชาชนชาวอิรัก

ย้อนกลับไปช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้เกิดเหตุถังอ๊อกซิเจนระเบิดในกรุงแบกแดด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 82 ศพ และจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบจากเหตุดังกล่าว

โดยประเทศอิรักมียอดผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 1.4 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วราวๆ 17,000 ศพ ซึ่งประเทศอิรักได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแล้วกว่าล้านคนจากจำนวนประชากร 40 ล้านคน

เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง